เจ้าของบ้านที่ถูกธนาคารยึดผิดหลัง เรียกค่าเสียหาย 2 ล้าน แต่ธนาคารยังนิ่ง

จากกรณีเจ้าของบริษัท เครื่องซีลสูญญากาศ เครื่องซีลปากถุง เข้าร้องเรียนกับ ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ว่าธนาคารยึดบ้านผิดหลัง โดยเอาผู้รับเหมามาขนของออกไปทั้งหมด ล้วติดป้ายประกาศขายไว้หน้าบ้าน ทรัพย์สินบางส่วนถูกทำลายไปแล้ว ก่อนจะรู้ว่าเป็นการยึดผิดหลัง ซึ่งทางนิติกรธนาคารได้ติดต่อมาขอโทษ แต่ยังไม่ได้ดำเนินการเยียวยาเจ้าของบ้านแต่อย่างใด

เจ้าของบ้าน ได้เข้าพบทนายรณณรงค์ในวันนี้ และเล่าความคืบหน้าว่า ธนาคารได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาไกล่เกลี่ยเรื่องที่เกิดขึ้นต่อหน้าตำรวจ เพื่อตกลงค่าเสียหาย ซึ่งตนกับสามีได้เรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 2 ล้านบาท แต่ทางธนาคารปฎิเสธ ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาแต่อย่างใด โดยทรัพย์สินบางอย่างได้ถูกเก็บไว้ที่อีกที่หนึ่ง แต่บางอย่างได้ถูกทำลายไปแล้ว เช่น เสื้อผ้า หนังสือเก่า รูปภาพ และของสะสมต่าง ๆ รวมถึงของใช้ของลูกซึ่งมีคุณค่าทางจิตใจ ไม่สามารถหามาทดแทนได้แล้ว

หลังเกิดเหตุการณ์กว่า 1 เดือนผ่านมา ตนกับสามีต้องเป็นคนคอยติดต่อทางธนาคารไปเอง ว่าจะมีการดำเนินการรับผิดชอบอย่างไร ทางธนาคารก็บอกเพียงแต่ว่า กำลังรวบรวมทรัพย์สินที่ทำลายไป แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะรับผิดชอบค่าเสียหายอย่างไร จึงมองว่าไม่มีความกระตือรือร้น หรือใส่ใจในการแก้ปัญหาให้กับตนที่เป็นผู้เสียหาย ทั้งที่บ้านของตนยังไม่เคยถูกฟ้อง ไม่ได้มีคดีอะไร และไม่ได้เกี่ยวข้องใด ๆ กับทางธนาคารเลย แต่กลับไม่มีความชัดเจน

ด้าน ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายทวงคืนความเป็นธรรม เผยว่า ตามพยานหลักฐานที่มีในตอนนี้ พบว่าทางธนาคารมีความผิดจริง ผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องทางธนาคารได้ 3 ข้อหาหลัก ๆ คือ ร่วมกันบุกรุก, ทำให้เสียทรัพย์ และหมิ่นประมาท โดยวันนี้ทนายจะพาไปแจ้งข้อหาเพิ่ม ถือว่าเป็นความผิดพลาดของธนาคาร ที่อาจจะต้องมีการทบทวนวิธีการทำงานใหม่ให้ละเอียดมากขึ้น รวมถึงเป็นอุทาหรณ์ของคนที่มีบ้าน แล้วไม่ได้อยู่ด้วย แต่เรื่องนี้ต้องบอกเลยว่า ไม่ใช่ความผิดของเจ้าของบ้าน

ล่าสุดมีรายงานว่า ธนาคารจะมีการนัดชี้แจงข้อเท็จจริงในวันพรุ่งนี้ (4 ต.ค.) เวลา 14.00 น.

scpaperpacknews

Learn More →