เปิดหลักฐานเด็ด กล้องวงจรปิดจับภาพ “โอลาฟ-มาดามเพทา” นั่งรถไปด้วยกัน ในวันที่นักธุรกิจชาวเยอรมันหายตัวไป
ความคืบหน้าคดีอุ้มฆ่าหั่นศพ นายฮันส์ ปีเตอร์ แรลเตอร์ มัค (MR.HANS PETER RALTER MACK) อายุ 62 ปี นักธุรกิจเจ้าของบริษัทนำเข้าพลาสติกกันกระแทก แอร์บับเบิ้ล ชาวเยอรมัน ล่าสุด เมื่อเวลา 16.30 น. (12 ก.ค.66) ตำรวจได้หลักฐานสำคัญ เป็นภาพวงจรปิดบริเวณหน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ภายในซอยเขาน้อย หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ห่างจากบ้านที่พบศพผู้ตาย ประมาณ 1.80 กม.
โดยกล้องวงจรปิด เมื่อเวลา 10.05 น. วันที่ 4 ก.ค.66 สามารถจับภาพ นางเพทรา (Ms.PETRA) อายุ 54 ปี ชาวเยอรมัน ผู้ต้องหาที่ 1 ขับรถ suv ยี่ห้อเชฟโรแลต แคปติว่า สีดำ ทะเบียน 2 กญ 3634 กทม. โดยไม่ติดทะเบียนหน้ารถ ขับมาจอด แล้วเดินลงจากรถ มาเปิดประตูหลังด้านหลังคนขับ โดยลักษณะการแต่งกายเป็นชุดเดียวกัน ในวันที่ไปนัดพบกับผู้ตายที่ร้านกาแฟ-เบเกอรี่ ย่านถนนซอยทุ่งกลมตาลหมั่น
จากนั้น นายโอลาฟ ( Mr.Olaf) อายุ 52 ปี ชาวเยอรมัน ผู้ต้องหาคนที่ 2 ได้ขี่รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า เอ็น แม็ก สีแดง 1 กฮ 7620 ชลบุรี ลักษณะสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีดำ นุ่งกางเกงขาสั้น สวมรองเท้าแตะ เข้ามาหน้าร้านอาหาร ที่นางสาวจารุณี (ขอสงวนนามสกุล) แฟนสาวชาวไทย ทำงานอยู่ ก่อนจะเดินหิ้วรองเท้าผ้าใบ มาเปิดท้ายรถ SUV ของมาดามเพทรา แล้วนำไปวางไว้ที่ด้านท้ายรถ ก่อนจะเดินย้อนกลับมาที่ร้านอาหาร ประมาณไม่ถึง 1 นาทีก็รีบเดินมาขึ้นรถ SUV ซึ่งมาดามเพทราจอดคอยท่าอยู่ ก่อนที่ทั้งคู่จะขับรถออกไปด้วยกันทันที
โดยกล้องวงจรปิดนี้ถือเป็นหลักฐานสำคัญ ว่าทั้งคู่อยู่ด้วยกันในวันที่ 4 ก.ค. เวลา 10.05 น. ซึ่งถัดมาอีก 2 ชม. มาดามเพทรา ได้ออกไปพบผู้ตายที่ร้านกาแฟ-เบเกอร์รี่ ซอยทุ่งกลมตาลหมั่น โดยทำทีจะขอติดต่อซื้อสนามมวย ในพื้นที่ ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งผู้ตายเป็นเจ้าของ โดยที่ทั้งคู่มีการพูดคุยกันรวมถึง 1 ชั่วโมง ก่อนจะพากันออกจากร้าน และนั้นคือภาพสุดท้ายของ นายฮันส์ ปีเตอร์ แรลเตอร์ มัค นักธุรกิจชาวเยอรมัน ก่อนจะหายตัวไป และพบว่ามาเป็นศพถูกฆาตกรรมหั่นศพ
และในช่วงเย็นที่ผ่านมา พนักงานร้านอุปกรณ์เครื่องมือช่าง ย่านพัทยาเหนือ ได้เดินทางเข้ามาพบพนักงานสอบสวน สภ.หนองปรือ หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เรียกตัวมาสอบสวนหลังสืบทราบว่า นายโอลาฟ และนายชาฮ์รูค อายุ 27 ปี สัญชาติไทย เชื้อชาติปากีสถาน ที่ถูกออกหมายจับในคดีฆาตกรรม โดนทั้งคู่ได้เดินเข้ามาซื้อเลื่อยไฟฟ้า จำนวน 1 ตัว ในราคา 1 หมื่นกว่าบาท ซึ่งตัวที่ซื้อไปนั้นมีราคาแพง เพราะเสียงมอเตอร์จะทำงานเงียบมาก ในช่วงวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา จึงได้เดินทางมาให้ข้อมูลและให้ปากคำประกอบหลักฐานในคดีนี้