
จากกรณีพบผู้ติดไวรัสฝีดาษลิงรายแรกที่ จ.ภูเก็ต เป็นชายชาวไนจีเรีย อายุ 27 ปี เดินทางเข้ามาทาง ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 64 โดยแจ้งว่าจะเดินทางไปมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่จังหวัดเชียงใหม่ แต่เดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ต เข้าพบเเพทย์ที่ รพ.กรุงเทพภูเก็ต เพราะอาการมีตุ่มหนองขึ้นตามผิวหนังเมื่อวันที่ 16 ก.ค. 65 เเละได้กลับไปยังที่พัก พื้นที่ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต
ต่อมา รพ. ได้ส่งตัวอย่างเชื้อไปตรวจยืนยันผลถึงสองครั้งใน รพ.จุฬา และ จากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ฯ ก่อนประสานจะเข้ามารับการรักษาที่ รพ. แต่ไม่ยอมมาตามนัด และติดต่อไม่ได้ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
เปิดไทม์ไลน์ ชายไนจีเรียป่วยฝีดาษลิง อยู่ไทยตั้งแต่ปี 64 ไม่ชัดติดเชื้อจากไหน
ภูเก็ตแถลงด่วน เร่งแกะรอยชายไนจีเรียป่วยฝีดาษลิง หนีการรักษา เสี่ยงสูงแล้ว 6 ราย
เจ้าหน้าที่ได้แกะรอยวงจรปิดโดยรอบ และสอบปากคำพยานแวดล้อม รวบรวมพยานหลักฐานจนเชื่อได้ว่า ชายคนดังกล่าวได้หลบหนีออกนอกประเทศไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ ไปยังประเทศเพื่อนบ้านทางแถบภาคตะวันออกแล้ว
เช่นเดียวกันกับคำยืนยันจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่แจ้งเมื่อช่วงค่ำวานนี้ ( 22 ก.ค.) ว่า ผู้ติดเชื้อฝีดาษลิง ได้เดินทางออกจากภูเก็ตไปแล้ว จากการตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์ พบพิกัดสุดท้ายอยู่ที่จังหวัดสระแก้ว คาดว่า ผู้ป่วยหลบออกทางชายแดนแล้ว โดยจะมีการประสานประเทศเพื่อนบ้านให้ได้ทราบต่อไป
ต่อมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว นำภาพพิกัดการเดินทางของผู้ป่วยชาวไนจีเรียคนดังกล่าว ซึ่งมาโผล่ที่บ้านคลองลึก จ.สระแก้ว แถวร้านขาย กล่องใส่ต้นไม้ กล่องยาว และมีรายงานจากตำรวจว่า พบความเคลื่อนไหวอยู่แถวพื้นที่คลองลึก อ.อรัญประเทศ เตรียมหลบหนีออกนอกประเทศผ่านช่องทางธรรมชาติ
โดยพบว่า มีการใช้เส้นทางถนนสายใหม่ มุ่งหน้าสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา หรือ สะพานหนองเอี่ยน-สตรึงบท ซึ่งยังไม่มีการเปิดใช้สะพานอย่างเป็นทางการ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนทางหลวงหมายเลข 3511 เดินเข้าช่องทางธรรมชาติบริเวณใต้สะพานและว่ายน้ำข้ามไปยังฝั่งประเทศกัมพูชา ช่วงเวลาประมาณ 19.00-20.00 น. ของเมื่อวันที่ 21 ก.ค. ก่อนจะมีคนรับตัวเดินทางต่อไปมุ่งหน้าไปยังเมืองสีหนุวิวล์ ประเทศกัมพูชา